ปลูกผักหวานป่า 1 ปี 4 เดือนเก็บขายได้
ปัจจุบันนี้ผักหวานแพร่หลายมากขึ้นพร้อมกับขยายความนิยมสู่คนกรุง สนนราคาผักหวานถีบตัวขึ้นพรวดพราดใน 2-3 ปีให้หลัง จากราคากำละ 10 บาทในต้นฤดูฝนและ 5บาทในปลายฤดู กำหนึ่งตกประมาณครึ่งค่อนกิโล กลายมาเป็นกิโลกรัมล่ะ 100-200 บาท และสูงถึง 100-150 บาทในปลายฤดู ซึ่งเดือนนี้ผักหวานมีราคาแพงทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด
ผักหวานเป็นผักยอดจากไม้ต้น มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Melienth suavis Pierre ออกผลเป็นพวงคล้ายผลมะไฟใบสีเขียวมัน กรอบและเปราะง่าย ต้นผักหวานไม่ชอบแดดจัด ไม่ชอบน้ำมาก จึงเป็นต้นไม้ที่ทนแร้งได้ดี ขยายพันธ์ด้วยเมล็ดต้นผักหวานเกิดขึ้นในป่ากลางภูเขา เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ทั้งนี้เพราะผักหวานเป็นไม้ยืนต้นที่ใช้เวลาในการเจริญเติมโตนาน เป็นไม้ขนาดกลาง สูง 3-5 เมตร แตกกิ่งแทงก้านหนาแน่น แตกใบอ่อนช่วงต้นฤดูร้อนจนถึงพฤษภาคม กิ่งอ่อนที่เพิ่งจะแทงยอดออกมาเต็บไปด้วยใบอ่อน ดกแน่น ชาวบ้านนิยมฟันลงมาทั้งกิ้งใหญ่แล้วจึงตัดเฉพาะกิ่งอ่อน
ผักหวานมีรสหวานสมชื่อ หน้าตาใบผักฟวานคล้ายใบอ่อนต้นแก้ว สีเขียวอ่อน ก้านกรอบนุ่ม ผักหวานที่หักจากต้นมาสดๆ ชาวบ้านนิยมนำไปนึ่ง แล้วจิ้มกินกับน้ำพริกแจ่วสารพัดชนิดใครมีโอกาสได้กินผักหวานที่หักมาสดๆ แล้วละก็จะได้ลิ้มรสหวานจะๆ เลยที่เดียว หวานทั้งใบและกิ่งอ่อนสมกับที่ได้ชื่อว่า "ผักหวาน"จริงๆ
ผักหวานมีชนิดเดียวคือ "ผักหวาน" ต่อมาผักหวานชนิดเดียวนี้ถูกเรียกว่า"ผักหวานป่า" ทั้งนี้เพราะมีต้นไม้อีกชนิดหนึ่งที่หน้าตาคล้ายผักหวาน แต่คนละต้น คนละพันธู์กัน ชาวบ้านเรียกว่า "ผักหวานบ้าน"
ผักหวานบ้านเป็นผักไม้พุ่มเตี้ย ต้นเป็นกอปลูกตามรั้วบ้านนี้บางครั้งเรียกว่า "มะยมป่า" ทั้งนี้เพราะมีลูกคล้ายมะยมห้อยใต้ใบผักฟวานบ้านนิยมนำมากินเช่นกัน รสออกมันๆจืดๆ ใบอ่อนออกหนาแน่นในช่วงเวลาเดียวกัน
ผักหวานแสนอร่อยปลอดสารพิษและมีคุณค่าเต็มร้อยนี้ ยังมีผักผ่าหน้าตาเหมือนผักหวานแตกยอดแทงกิ่งขึ้นมาแซมอีกคือ "ผักหวานเมา" กินแล้วก็ทำให้คนกินเมาได้ อีกชื่อหนึ่งเรียกว่า "ผักเสน"
อย่างไรก็ตามด้วยความที่ผักหวานเมาหน้าตาเหมือนผักหวาน โอกาสเก็บผิดพลาดปนเข้ามากับผักหวานป่าย่อมเป็นไปได้ ชาวบ้านมีวิธีแก้ง่ายๆ คือขณะต้มน้ำแล้วผักหวานยังไม่เดือนนั้นให้กำข้าวสารโยนใส่ไปในหน้อแกงด้วย ก็จะไปแก้ฤทธิ์เมาของผักหวานเมาได้ ชาวเหนือจะแกงผักหวานแล้วในขนมจีนหรือวุ้นเส้นลงไปด้วย ผู้คนกินผักหวานกันมาชั่วชีวิตเป็นเวลาสิบปีก็ยังไม่เคยเจอผักหวานเมาเลย ดังนั้นก็ไม่ต้องกังวลใจในเรื่องนี้ กินผักหวานให้เต็มที่เพราะเก็บผักหวานเขาจะเก็บจากต้นเดิมที่เคยเก็บมาชั่วนาตาปีแล้ว
คุณค่าของผักหวาน เป็นผักปลอดสารพิษ มีคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมันเล็กน้อย และมีแร่ธาตุ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็กอยู่มาก
การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์ผักหวานป่าที่ได้ผลดีที่สุดในปัจจุบันคือ วิธีการเพาะเมล็ด เนื่องจากวิธีการอื่นๆเช่นการตอนการตัดชำ มีเปอร์เซ็นการออกรากต่ำมาก และใช้เวลานานไม่น้อยกว่า 4 เดือนจึงจะออกรากรวมทั้งจำนวนกิ่งที่ได้น้อย เนื่องจากต้นแม่พันหายาก การขยายพันธ์ุด้วยเมล็ดจึงเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลมากที่สุด โดยมีเงื่อนไขและวิธีปฎิบัติ ดังนี้
1.คัดเฉพาะผลผักหวานป่าที่สุดและสดใหม่เท่านั้น
2. แยกเนื้อหุ้มเมล็ดทิ้ง และขัดล้างเมล็ดให้สะอาดด้วยตะแกรง หรือภาชนะที่มีผิวหยาบเช่นในกระด้งหรือแข่งไม้ไผ่ ควรใส่ถุงมือยางขณะทำงานเนื่องจากเนื้อหุ้มเมลฺ็ดมีสารละคายเคืองต่อผิวหนัง
3. นำเมล็ดที่ขัดสะอาดแล้วแช่น้ำแยกเมล็ดที่ลอยน้ำออก
4.นำเมล็ดที่จมน้ำขึ้นผึ่งพอสะเด็ดน้ำ คลุกด้วยยากันราให้ทั่ว แล้วนำขึ้นเกลี่ยในกระด้งหรือตะแกรงให้เป็นชั้นหนาไม่เกิน 1 นิ้ว คลุมตะแกรงด้วยกระสอบป่าน ที่ชุบน้ำหมาดๆ เก็บไว้ในที่ร่ม 2-3 วัน
5. ตรวจดูเมล็ด ถ้าเปลือกเมล็ดเริ่มแตกร้าวให้นำไปเพาะในถุงพลาสติที่มีความลึกไม่น้อยกว่า 8 นิ้ว
6. วัสดุที่ใช้เพาะได้ผลดีควรใช้ดินลูกรังทรายหยาบ และปุ๋ยคอกเก่า หรือใบไม้ผุ ร่อนด้วยตะแกรงตาถี่ครึ่งเซนติเมตร ผสมกันในอัตราส่วน 1:1:1 โดยปริมาตร
7. วิธีเพาให้กดเมล็ดด้วยนิ้วมือพอให้เมล็ดจมเสมผิวดิน หรือโผล่พ้นผิวดินเพาะเล็กน้อยนำไปไว้ได้ร่มเงาที่มีความเข้มแสง ประมาณ 40-50%
8. ดูแลรดน้ำให้พอวัสดุเพาะขึ้น ระวังอย่าให้แฉะในช่วงเดือนแรกผักหวานป่าจะมีการพัฒนา ของระบบรากอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าเดือนที่สองจึงเริ่มทะยอยแทงยอดขึ้นพ้นดินให้เป็นบ้า หลังจากเพาะได้ 2 เดือนครึ่ง ต้นผักหวานป่าจะสูงประมาณ 5-10 ชม. หลังจกนี้อาจใช้ปุ๋ยเกร็ดสูตร 15-15-15 ผสมน้ำฉีดพ่นกล้าทุก2สัปดาห์ การเจริญเติมโตของลำด้นเหนือดินในปีแรกจะช้ามาก
การปลูกและบำรุงรักษา
ควรเริ่มเตรียมหลุมปลูกในช่วงหลังสงกรานต์ โดยขุดหลุมขนาด 50*50 ซม.รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักประมาณครึ่งปี๊บคลุกเคล้าผสมกับหน้าดิน โดยลงหลุมทิ้งไว้ 2-3 อาทิตย์ในขณะเดียวกันก็เริ่มสร้าง ความแข็งแรงให้ต้นกล้าก่อนย้ายปลูกลงหลุม จริงด้วยการรดน้ำให้น้อยลงให้ต้นกล้าได้รับแสงแดดเพิ่มขึ้นทีละน้อย ละลายปุ๋ยโปแตสเซียมในเตรท ความเข้มข้นไม่เกิน 2%(1กรัมต่อน้ำ 50 ลิตร) รดต้นกล้าก่อนย้ายปลูก ประมาณ 2 อาทิตย์และงดให้น้ำ 14วัน ล่วงหน้าก่อนย้ายปลูก
ในการถอดถุงพลาสติเพื่อนำกล้าลงปลูกในหลุม ต้องระวังอย่าให้กระเปาะดินแตกหักหรือรากขาด เพราะจะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติมโตเป็นเวลานาน การปลูกควรให้ต้นกล้าสูงกว่าปากหลุมประมาณ 5 ซม.แล้วพูนดินกลบโคนขึ้นโดยรอบเพื่อป้องกันไม่ให้มีน้ำขังในหลุมปลูกเมื่อมีการให้น้ำหรือฝนตก จากนั้นหว่านเมล็ดถั่วเขียวเป็นวงรอบหลุ่มให้ห่างจากต้นกล้าประมาณ 15-20 ซม. เพื่อให้ต้นถั่วเป็นพี่เลี้ยงในระยะแรก ก่อนสิ้นฤดูฝนประมาณเดือนกันยายน ให้หว่านถั่วมะแฉะหรือพืชตระกลูถั่วที่มีลำต้นสูง และไม่ทิ้งใบช่วงฤดูแล้งโดยหว่านเป็นวงรอบห่างจากต้นผักหวานป่า รัศมี 70-100 ซม. เพื่อให้เป็นไม้บังร่มในช่วงฤดูแล้วระยะปลูกผักฟวานป่าควรใช้ระยะ 2-3 x 2-3เมตร โดยเลือกสภาพที่ดินที่ลาดเอียงเล็กน้อย หรืออาจปลูกแซมในส่วนที่ค่อนข้างแห้งแล้วได้ เช่นอในสวนป่าสัก
ผักหวานป่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3ปี จึงเจริญเติบโตถึงระยะเริ่มเก็บผลผลิตได้ การใส่ปุ๋ยกระตุ้นกรเจริญเติมโต ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยที่หมักจนสลายตัวดีแล้ว หว่านกระจายโดยรอบโคนต้นในรัศมี 50 ซม. ต้นละ 1 ปี๊บในช่วงฤดูฝนปีละครั้งห้ามใช้ วิธีถอนหรือใช้มีดฟันให้ราบ เพื่อป้องกันรากผักหวานไม่ให้กระทบกระเทือน
การกระตุ้นยอดอ่อนเพื่อเก็บจำหน่าย
เมื่อผักหวานป่าเจริญเติบโตเต็มที่ ก็เริ่มทำการตัดแต่งกิ่ง โดยหักปลายกิ่งแขนงทิ้งให้เหลือยาว 15-20 ซม.รูดใบแก่บางส่วนทิ้งให้เหลือติดกิ่งละ 3-4 ใบ พร้อมๆ กับการให้น้ำพอดินชื้นเมื่อยอดแตกยอดแตกออกมายาวประมาณ 15-25 ซม. ก็ตัดออกและมัดเป็นกำส่งจำหน่ายได้ หลังจากตัดยอดออกจำหน่ายแต่ละครั้ง ให้ใส่ปุ๋ยคอกต้นละ 1-2 ปี๊บ หว่านรอบโคนต้นพร้อมกับให้น้ำเพื่อบำรุงต้นให้สมบูรณ์โดยเร็วต่อไป
การย้ายต้นกล้าแบบล้างราก
เนื่องจากในปัจจุบันพบว่า มีการจำหน่ายต้นกล้าเพาะเมล็ดจำนวนมาก ซึ่งมีปัญหาในการขนส่ง เนื่องจากน้ำหนักมาก และเปลืองพื้นที่จากผลการทดลองหาแนวทางส่งกล้าให้ได้จำนวนมากขึ้นและมีอัตราการชำรอดสูงอาจทำได้ ดังนี้
1. เพาะต้นกล้าในแปลงที่ทำด้วยอิฐก่อขนาด 1x5 เมตร ลึก60 ซม.ใช้วัสดุเพาะดินลูกรัง ทรายหยาบ และปุ๋ยหมักอัตราส่วน 1:1:1หรือ1:1:2 โดยปริมาตร ร่อนด้วยตะแกรงตาถี่ครึ่งเซนติเมตรผสมกัน คลุมแปลงเพาะให้ได้รับแสงประมาณ 40-50 %
2. เมื่อกล้าผักหวานป่า งอกสูงประมาณ 5-10 ซม.หรือก่อนการส่งกล้าให้ลูกค้าประมาณ2 อาทิตย์ให้เริ่มกระตุ้นให้ต้นกล้าแข็งแรงเช่นเดียวกับก่อนย้ายแปลง
3. เมื่อครบกำหนดให้ขุดต้นกล้าออกจากแปลง ระวังอย่าให้รากขาด ล้างดินออกจากรากให้สะอาดโดยใช้สายยางฉีดน้ำพร้อมกับตัดส่วนเหนือดินทิ้งให้เหลือตอสูงประมาณ 5 ซม.
4. นำต้นกล้าที่ล้างรากและตัดต้นทิ้งแล้วไปแช่ในน้ำยากันรา ประมาณ ื15-20 นาที นำขึ้นผึ่งพอหมาด
5. นำกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ซึมซับน้ำได้ดีมาแบ่งเป็นคู่ๆ ซ้อนกัน 2 ชั้น โรยด้วยขุยมะพร้าวชื้นหรือแกลบดำที่ปราศจากเชื้อโรค (อาจเตรียมได้โดยการอบหรือหนึ่ง หรือราดด้วยยากันราก่อนนำมาใช้) ให้เป็นแถบยาวบางๆ ความกว้างของแถบเท่ากับ ความยาวของรากต้นกล้า ต้องระวังวัสดุที่ใช้อย่าให้แฉะ
6. นำกล้าผักหวานป่าประมาณ 50กล้า วางเรียบบนแถบวัสดุรักษาความชื้น อย่าให้กล้าซ้อนกัน
7. ม้วนกระดาษหนังสือพิมพ์ห่อต้นกล้าให้เป็นแท่งกลมพอหลวมๆ เหมือนห่อโรตี ปิดหัยวท้ายห่อ ฉีดด้วยยากันราให้กระดาษเปียกหมาดๆ
8. บรรจุในถุงพลาสติกที่เจาะรูระบายอากาศเปิดปากหลวมๆ เหมือนห่อโรตี ปิดหัวท้ายห่อ ฉีดด้วยยากันราให้กระดาษเปียกพอหมาดๆ
9.ผนึกภายนอกลังตรงรอยต่อด้วยเทปกระดาษ โดยเว้นช่องระบายอากาศไว้แล้วนำไปส่งไปรษณีย์
10. การส่งแบบล้างรากเช่นนี้ ต้นกล้าจะทนทานได้นานประมาณ 8-10 วัน โดยมีอัตราการรอยตายสูง 80% ทั้งนี้เมื่อได้รับต้นกล้าแล้วต้องรีบชำทันที และเลี้ยงในสภาพแสง 40-50% พร้อมกับบให้ชื้นอย่างสม่ำเสมอในระยะแรกๆ
11. หลังย้ายชำแล้วอาจราดด้วยสารสตาร์ทเตอร์ ซึ่งมีขายทั่วไปในท้องตลาดตามอัตราที่แนะนำในฉลาก
12. ข้อพึงระวังในการส่งกล้าแบบนี้ จะต้องระวังเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ และรากต้องไม่ขาด การห่อและการบรรจุลังต้องไม่แน่นเกินไปและต้องเจาะช่องระบายอากาศ
คุณค่าทางโภชนาการของผักหวานป่า
ผักหวานป่าจัดเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูกชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านแหล่งโปรตีน วิตามินซี และพลังงาน นอกจากนี้ยังมีปริมาณเยื่อใยพอสมควร ช่วยในการขับถ่ายให้ดีขึ้น ในยอดและใบสดที่รับประทานได้ 100กรัมประกอบด้วยน้ำ 76.6 กรัม โปรตีน8.2 กรัม คาร์โบไฮเดท 10 กรัม เยื่อใย เถ้า 1.8 กรัม แคโรทีน 1.6 มก. วิตามินซี115 มก.และค่าพลังงาน 300 กิโลจูล (KJ)
อย่างไรก็ตามการบริโภคผักหวานป่าควรปรุงให้สุกเสียก่อน เนื่องจากการบริโภคสดๆ ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดการเบื่อเมาเป็นไข้ และอาเจียนได้
Pakhwanpea plant
Career and Money
Vegetable planting
Wan talks But this is not the only country with mountains in the Northeast and the North, then in 10 years, the vegetables are starting to be seen in the area are more rustic community. And comes with ant eggs, too. In the Northeast, as seen by the two of you to know that this is a must. Vegetable soup, red ant eggs are implicit in the first phase of the city is often depicted vegetable stock that comes directly from the land to eat vegetables.
This Wurzels more widespread popularity with the expansion into the city. Soaring vegetable prices plunging in 2-3 years out of bundle price of 10 baht at the beginning of the rainy season. 5 baht at the end of the season One bundle is about half a kilo. 100-200 baht per kilogram, and became as high as 100-150 baht a month in late summer vegetables are expensive in Bangkok. And up
Vegetable is a vegetable-derived tree. Is the scientific name Melienth suavis Pierre, yield similar results Mak bunch of green leaves on it. Crisp and brittle The vegetables do not like Clouds hydrophobic, so it is a tree that has good strength. The vegetable seed breeding occurs in the middle of a mountain forest. Spontaneous natural
Because vegetables are perennials that take time to grow, Ahn long. Wood is 3-5 meters high, medium dense boughs thrust lever. Bud early summer until May. King is just to stab out the step of leaves on a tight villagers cut down on the popular practice of dough and cut the twigs.
Wurzels sweetened equation Looks like yesterday's vegetables, leaves, light green glass from the broken stalks tender crisp vegetables fresh from the source. Was commonly steamed Then dip it with chili, spicy goodies: I had the opportunity to eat fresh vegetables that broke. Then it will not taste as sweet as the sweet yet leaves and twigs of this equation is known. "Vegetable" really
Wan is one kind of "vegetable" for one type of vegetable is called "Pakhwanpea" because the trees are another vegetable that looks similar but different from each Marching together. People called "Sweet"
Fruits are sweet shrubs A clump of trees planted along the fence, sometimes called the "gooseberry bush" because kids like hanging the gooseberry leaves the house was popular to eat as well. It's a taste of Freshwater Leaves out massively in the same period.
Non-toxic and vegetable dishes are full of valuable. Looks like a vegetable, the vegetable cut branches up to the amount bet Sam was the "vegetable drunk" eat, eat, it makes people drunk. Another name called "vegetable Larsen".
However, by that Wurzels drunk-like vegetable. Last chance to mingle with Pakhwanpea error is possible. The house has a simple solution While vegetables are boiled in water to make a bundle of rice a month, then throw in a little curry to go with it. It takes away the power of vegetables drunk drunk. The vegetable soup over the noodles or vermicelli in to. People eat vegetables out of my life for ten years, I have not met yet Wurzels drunk. So do not worry about it. Eat vegetables to be stored vegetables because they are collected from the previously collected for years already.
The value of vegetable The organic vegetables Carbohydrate, protein, fat and little calcium, phosphorus and iron a lot.
Propagation
Propagation Pakhwanpea the best results today. The seeds Because other methods, such as the process of cutting. A very low percentage of rooting. And take not less than 4 months to root out graft, including a number who have less. As the mother of a rare Expansion interbreeding with seeds is the easiest and most effective. The conditions and procedures as follows.
1 include only the best and freshest Pakhwanpea only.
2 Separate the meat, leaving seed Grain and scrub thoroughly with a wire rack. Or container with a rough surface, such as a bamboo tray or race. Gloves should be worn when working with chemicals because the coat texture memory Lฺe irritation to the skin.
3 seeds are soaked in water and then scrub clean seeds that float.
4 Remove the seeds dry enough up sink drain. Treated with the drug over the mold. Then slice or grate is spread in a thick layer no more than 1 inch sieve covered with sacks. The damp Keep them in the shade for 2-3 days.
5 Check to see if the shells began cracking seeds to grow the cells in a plastic bag with a depth of not less than 8 inches.
6. material culture best results use coarse gravel. And old manure or leaf decay heat by half a centimeter mesh sieve. Mixed in a ratio of 1: 1: 1 by volume.
7 Ways to Power the seeds with your fingers so that the grain sinking line on the surface. Or slightly above the soil surface were taken to the shade with a light intensity of approximately 40-50%.
8. care enough water to the substrate. Do not get wet during the first month Pakhwanpea will develop. Of the root system quickly After the second month, began to gradually expand the ground freeing up the crazy. After culturing for 2 and a half months early Pakhwanpea height is about 5-10 hours. Subsequently, this may take a bit of 15-15-15 fertilizer mixed with water and sprayed seedlings every two weeks. Fill up the growth of the body over the side in the first year is very slow.
Planting and maintenance
Prepare the planting hole should start in late April. By digging a hole measuring 50 * 50 cm. Manure or compost to the hole by about half a bucket mixed with soil. Into the hole left by 2-3 weeks while to build. Healthy seedlings before transplanting into the hole. Actually, with a little water to the seedlings in the sun to rise gradually. Soluble fertilizer potassium in potassium nitrate. The concentration of 2% (1 g per 50 liters) of water the seedlings before transplanting to water for about 2 weeks and 14 days prior to transplanting.
To remove the plastic bags to brave the plant in the hole. Be careful not to break the bulb or root of the soil. It will fill the cupped seedlings grown for a long time. Seedlings should be planted about 5 cm above the hole. Then remove the base and the surrounding embankment to prevent flooding in the planting hole when watering or rain. Then sow the seeds for green beans orbital volume to about 15-20 cm away from the seedlings., To give the plants a mentor in the early stages. Before the end of the rainy season in September. To sow tall pea plants with tall pea Blue Basket. And leaves during the dry season by scattering from the orbital radius of 70-100 cm Pakhwanpea., To provide shade in the summer and does not cover the period of the last wild vegetables should take 2-3 x 2-3 m. Choose a gently sloping land. Or planting in the dry times. As the teak plantations in
Pakhwanpea will take at least three years to grow to harvest has begun. To stimulate growth, Ahn fertilization. I should add manure or compost to decompose well. Manure spread around the base radius of 50 cm. Beginning at 1 Beep once a year during the rainy season ban. To withdraw or use a flat teeth. To prevent root vegetable, not a concussion.
The mild stimulation to keep selling.
When fully grown Pakhwanpea I begin pruning The broken ends of branches, leaving the remaining 15-20 cm long. Swipe left some leaves left on the branches 3-4 leaves with the water when the soil is moist enough to crack the top split of approximately 15-25. cm. was cut off and tied the bundle to be sold. Issued after the cutoff time. The manure spreaders around the base of the palm trees 1-2 with irrigation to maintenance to complete as fast as possible.
Rinse the seedling roots.
Since in the present Seedlings are sold seed lots. The problem of transportation Due to heavy And space from the experimental results to find ways to be more daring and cutting high survival rate may be as follows.
1 seedlings on plots measuring 1x5 meters with a depth of 60 cm brick. Using coarse sand and gravel substrate compost ratio. 1: 1: 1 or 1: 1: 2 by volume grids with mesh sieve, mix together half a centimeter. Nursery bed to get light, about 40-50%.
2 Once seedlings germinate Pakhwanpea height of 5-10 cm., Before sending the customer to be about 2. From Sunday to encourage seedling vigor as before the conversion.
3, when the seedlings are dug out of the converter. Do not let the roots Wash the soil off the roots thoroughly with a water hose with a cut above the rest, leaving a stubble height of 5 cm.
4.-root seedlings are washed and cut then left to soak in liquid at around 15-20 minutes almost brought the cloth to dry.
5. newsprint to absorb water well and divide into two pairs of stacked layers and sprinkle with coconut or rice husk moist sterile. (May be prepared by baking or one. Or treatment with drugs mold before using) into long thin strips. Equal to the width of the strip Root length of seedlings Be careful not to wet the material.
6 Bring Pakhwanpea about 50 brave dare lie flat on the material retains moisture. Do not overlap
7 rolls of newsprint wrapped round enough seedlings to be loose. Like roti wrap Close to the end, wrap Hai Drug injection mold with wet paper.
8 bag air hole open mouth overalls. Like roti wrap Closed head wrap Drug injection mold to lightly wet paper.
9 This is an external seal joints with paper tape. Leave the vents and put the postage.
10 to send a clear root like this. Seedlings are strong for about 8-10 days with a high mortality rate of 80% due upon receipt of seedlings and cuttings must hurry away. And cultured in low-light conditions with 40-50% humidity with a regular in the early stages.
11 After the cuttings may then topped with natural starter. Which are sold in the market at the rate recommended on the label.
12. precautions not to send it. To be careful about is cleaner. And roots must not be Wrapping and packing are not too tight and need to drill vent.
The nutritional value of Pakhwanpea
Pakhwanpea is a nutritious vegetable into one species. Especially in the fields of energy, protein, vitamin C and fiber are also reasonable. In the body, the better. The tops and leaves are edible. 100 g water, 76.6 g protein, 8.2 g fiber, 10 g carbo-hydrated ash 1.8 g carotene, 1.6 mg. Vitamin C 115 mg., And the energy of 300 kJ (KJ).
However, consumption Pakhwanpea should be cooked first. Since the consumption of fresh In large doses can cause toxic drug fever. And vomiting
